มันเป็นเรื่องจริงครับ ที่คุณสามารถ กินอาหารไปด้วย ทำให้ น้ำหนักลด
ลงไปได้ด้วย ไม่มีอีกแล้ว ที่ว่าต้องอดอาหาร เพื่อลดน้ำหนัก เพราะการอดอาหาร
หรืองดอาหาร ลดจำนวนมื้อลงไป เป็นการทำร้ายสุขภาพ
และไม่ได้ทำให้น้ำหนักลดลงได้จริง รวมทั้งยังทำให้ร่างกาย ขาดสารอาหาร มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ
ได้ง่ายกว่าคนปกติทั่วไป วันนี้ผมมีวิธีกินแบบที่ กินไป น้ำหนักลดลงไปด้วย สบายใจ
ร่างกายก็ไม่อด มาฝากกันครับ ลองนำไปทำกันดูครับ ได้ผลแน่นอน เพราะผมก็ทำมาแล้ว
1. เน้นทานแต่อาหารสด งดเว้นการทานอาหารฟาสฟู้ด ทุกชนิด จะเรียกว่า
เป็นข้อห้ามเลยก็ได้ เพราะอาหารฟาสฟู้ดนี่แหละ ที่เป็นบ่อเกิดของการสะสมไขมัน
ทำให้น้ำหนักของเราขึ้น “งดฟาสฟู้ด เน้นเฟรชฟู้ด” อาหารสด ที่เราควรจะเลือกทาน
ไม่ใช่เนื้อสัตว์นะครับ แต่เป็น ผักและผลไม้สดๆ ซึ่งมีกากใย ไฟเบอร์สูง ใช้ระยะเวลาในการย่อยนาน
ทำให้คุณรู้สึกอิ่มได้ยาวนาน ไม่หิวเร็ว นอกจากนี้ ควรจะดื่มน้ำเปล่าให้เยอะๆ
เพื่อจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มได้เร็วขึ้น
2. ออกกำลังกายทุกวัน อันนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ
สำหรับคนทำงานในเมือง ที่ใช้ชีวิตแบบ ตื่นไปทำงานแต่เช้า เลิกงาน
กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดพอดี แล้วจะไปออกกำลังกายตอนไหน แต่สว่าง หรือมืด
ไม่ได้เป็นอุปสรรคครับ คุณสามารถออกกำลังกายได้ทุกที่ ทุกเวลา 10-15 นาที
ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วนะครับ สำคัญที่คุณต้องเริ่มต้น
หาเวลาออกกำลังกายให้ได้ก่อน อย่าขี้เกียจครับ นึกถึงเวลาที่คุณต้องไปหาหมอ
ที่โรงพยาบาลเข้าไว้ คุณต้องไปนั่งรอหมอนานแค่ไหน กี่ชั่วโมง
ไหนจะเวลาที่คุณต้องเอาวันหยุดมาใช้ เพื่อไปหาหมอ ไหนจะค่ายา ค่ารักษาพยาบาลอีก
เอาทั้งเวลา และจำนวนเงินที่จะต้องเสียไปมาคำนวนดูครับ แค่คุณออกไปเดินเร็ว
หรือวิ่งสัก 10 นาทีหลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว ให้เหงื่อออก หัวใจได้ทำงานเต็มที่
แต่ร่างกายคุณจะแข็งแรง กินอิ่ม นอนหลับ ไม่เจ็บป่วย ไม่เสียเงินค่าหมอ
คุ้มกว่ากันมั้ยครับ
3. กินอาหารที่อยากกินบ้าง การที่เรากินแต่ผักแต่หญ้า หรือผลไม้มากๆ
บางทีคนเรามันก็รู้สึกเบื่อได้นะครับ หันมากินอะไรที่อยากกินดูบ้าง เช่น โดนัท
หรือ พิซซ่าสักชิ้น มันจะเป็นอะไรไป แต่มีข้อแม้ ก่อนที่คุณ จะกินพวกอาหารขยะ
อย่างเช่น พิซซ่า พาสต้า โดนัท เบอร์เกอร์ หรืออะไรก็ตาม ที่จัดอยู่ในอาหารฟาสฟู้ด
หรือ อาหารขยะเหล่านั้น คุณจะต้องดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้ว และสลัดผักอีก 1
ชามซะก่อน กินให้หมดแล้วค่อยไปกินอาหารขยะ นี่จะเป็นการทำให้คุณ
มีพื้นที่ว่างในท้องเพียงน้อยนิด สำหรับอาหารขยะเหล่านั้น
ไม่จำเป็นต้องกินอาหารขยะพวกนั้นให้อิ่ม แต่กินเพื่อแก้อยาก
4. กินอาหารที่ปราศจากแคลอรี่ ซึ่งจะพูดไปมันก็มีอยู่แค่ 2
อย่างเท่านั้น ที่คุณจะดื่มและกินเข้าไปแล้ว ไม่มีแคลอรี่ นั่นก็คือ น้ำเปล่า
และอาหารประเภทไฟเบอร์ ดังนั้นยิ่งทานอาหารที่มีน้ำ และไฟเบอร์พวกนี้เข้าไปมากเท่าไหร่
ยิ่งช่วยลดไขมันในร่างกายของเราลงไปได้มากเท่านั้น เช่นการเลือกกิน สลัดผักเขียว
ที่รวมผักหลายๆ ชนิดเอาไว้ 1 ชามใหญ่ จะช่วยเผาผลาญพลังงานในร่างกายของคุณได้มากมายทีเดียว
คิดง่ายๆ นะครับ เอาหลักคณิตศาสตร์มาคิด
แบบเป็นตัวเลขเพื่อความเข้าใจง่าย สมมุติว่า ผักคึ่นฉ่าย 1 ต้น
มีปริมาณแคลอรี่อยู่ที่ 8 แคลอรี่ แต่เมื่อคุณทานเข้าไป ร่างกายของเรา
ต้องใช้พลังงานในการย่อยผักคึ่นช่ายนี้ มากกว่า 8 แคลอรี่ นั่นเท่ากับ
เราสามารถเผาผลาญพลังงงานในร่างกายทิ้งไปได้จากส่วนต่าง
ของพลังงานมีหน่วยเป็นแคลอรี่ ในการย่อยผักคึ่นช่ายหนึ่งต้นที่เราทานเข้าไป
สมมุติว่าร่างกายเรา ต้องใช้พลังงานประมาณ 25 แคลอรี่ ในการย่อยผักคึ่นช่ายนี้
ก็จะเท่ากับว่า 25 - 8 = 17 แคลอรี่ นั่นคือ เราสามารถเผาผลาญพลังงานในร่างกายไปถึง
17 แคลอรี่ ด้วยการกินผักคึ่นช่ายแค่ 1 ต้นเท่านั้น ยังไม่ได้ไปวิ่ง
ไปใช้พลังงานในร่างกายทำอะไรเลย
ลองนึกดูนะครับ ถ้าคุณกินสลัดผักใบเขียวทั้งชาม ไฟเบอร์และน้ำ
จะเข้าไปอยู่ในร่างกายคุณในปริมาณมากแค่ไหน แล้วร่างกายคุณต้องใช้พลังงานมากขนาดไหนในการย่อยไฟเบอร์ที่คุณกินเข้าไป
แค่กินแต่ผัก ก็ลดความอ้วนได้แล้ว พอจะเห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ
5. กินอาหารที่ช่วยลดไขมัน รวมไปในมื้อปกติด้วย ด้วยการเลือกกินอาหารอย่างระมัดระวัง
คุณสามารถลดน้ำหนักได้หลายกิโลกรัม โดยที่ไม่รู้สึกอดอยาก และหิวโหยได้สบายๆ
มีอาหารหลายอย่าง ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยลดน้ำหนักของคุณได้ เช่น พริกสด
, ชาเขียว , ผลเบอร์รี่ และ เมล็ดธัญพืชทั้งหลาย อาหารพวกนี้ ช่วยลดน้ำหนักได้
และช่วยรักษาความสมดุลของอินซูลินไม่ให้พุ่งสูงเกินไป
ซึ่งทำให้กระบวนการเผาผลาญพลังงาน ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
6. กินซุปที่มีประโยชน์ แก้เบื่ออาหาร บางครั้งการกินแต่สลัดผัก
หรือพวกอาหารจากธัญพืช จะทำให้คุณรู้สึกเบื่ออาหารเป็นอย่างมาก
ดังนั้นอีกหนึ่งเมนูที่จะเข้ามาช่วยได้ในส่วนนี้ ก็คือ ซุปต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นซุปไก่ ซุปเห็ด หรือต้มเห็ดก็แล้วแต่ กินบ้าง แต่ไม่ใช่กินเยอะนะครับ
แค่ 1 ถ้วยก็พอ ซึ่งจะมีพลังงานอยู่ประมาณ 80 แคลอรี่ ต่อ 1 ถ้วย
7. นั่งกินอาหารเท่านั้น ห้ามเดินกิน หรือกินจุกจิก
ใช้ช้อนนั่งกินอาหารเท่านั้น เพราะนั่นจะทำให้คุณกินได้ช้าลง
กว่าการหยิบใส่ปากด้วยมือ และยังกำหนดปริมาณในการกินได้ทีละช้อน ควบคุมได้ว่า จะกินมากหรือน้อยแค่ไหน
เป็นการฝึกนิสัย และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของเรา ทำให้มันรู้สึกว่า ยากขึ้นนะ
เวลาจะกินอะไรทีนึง ต้องหยิบช้อน แล้วก็ใส่ถ้วยมานั่งกิน ไม่ใช่แค่เดินไป หยิบของกินใส่ปาก
เพราะมันจะหยิบกินจุกจิกตลอดเวลา
8. ดื่มน้ำให้มากขึ้น บ่อยครั้ง ที่หลายคนสับสนระหว่างความหิว
และความกระหายน้ำ ในบางครั้ง สองความรู้สึกนี้มันก็ใกล้เคียงกันเหลือเกิน
สังเกตง่ายๆ ถ้าปากแห้ง แสดงว่าหิวน้ำ คอแห้ง แสดงว่าหิวน้ำ จากการศึกษาพบว่า
ผู้ที่ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ มักจะหิวน้อยกว่าคนที่ร่างกายขาดน้ำ ผมบอกได้เลยว่า
น้ำมีส่วนสำคัญ ในการลดน้ำหนักมากครับ ขาดไม่ได้ ต้องดื่มให้เพียงพอครับ
9. เพิ่มจำนวนมื้อในการกินให้มากขึ้น อย่าเพิ่งงงไปครับ
เนื่องจากในแต่ละมื้อ เราทานน้อย แถมอาหารที่เราทาน ยังเป็นอาหารแบบไดเอท
คือเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ อาจจะแค่มื้อละ 100-150 แคลอรี่ แค่นั้น
การกินแค่วันละ 3 มื้ออาจจะทำให้คุณหิวในระยะเวลาระหว่างมื้อต่อมื้อได้ ดังนั้น
คุณอาจจะทานเป็นมื้อเล็กๆ ทุกๆ 2 ชั่วโมงก็ได้ อย่างที่บอกไป การปล่อยให้หิว
จะทำให้ระบบเผาผลาญพลังงาน หยุดการทำงาน การทานอาหารไดเอทแบบนี้อย่างต่อเนื่อง
จะเป็นการช่วยให้ร่างกาย ดึงไขมันออกมาเผาผลาญได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน
10. บันทึกไว้ด้วย ว่าคุณกินอะไรไปบ้าง อันนี้สำคัญเลยครับ
ต้องจดบันทึกเอาไว้ ว่าเราได้กินอะไรไปแล้วบ้าง ประโยชน์ก็คือ มันจะกลายเป็นสถิติ
เพื่อช่วยให้เรา มานั่งวิเคราะห์ว่า เรากินอะไรที่ให้พลังงานสูงไปหรือเปล่า
หรือกินน้อยไป ทำไมน้ำหนักของเรายังไม่ลดลงสักที
เมื่อมีบันทึกพฤติกรรมการกินของเราเอาไว้ เราก็สามารถมานั่งดูสรุปสิ่งที่เราได้กินไป
หรือพฤติกรรมการกินของเรา ในแต่ละสัปดาห์ได้
บางครั้งเราอาจจะลืมกินมื้อเช้าเพราะรีบไปทำงาน ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุที่ว่า
ทำไมน้ำหนักของเราถึงยังไม่ลดลงเสียที
11. ระลึกไว้เสมอว่า ผักเท่านั้น ที่เราจะกินเป็นส่วนใหญ่
สุดท้ายอย่าลืมที่จะระลึกเอาไว้เสมอว่า ต้องกินผักในสัดส่วนที่มากกว่า แป้ง หรือ
โปรตีน เสมอ อาจจะมากเป็น 2-3 เท่าได้ก็ยิ่งดี นั่นก็เป็นเพราะ ในผักนั้น
มีทั้งน้ำ และไฟเบอร์ในปริมาณมาก แต่ให้พลังงานน้อยแบบสุดๆ
หวังว่าด้วยข้อมูลที่ให้ไป คงจะทำให้ทราบกันแล้วนะครับว่า กินยังไงให้ น้ำหนักลด ได้ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ผมแนะนำว่า ให้หลีกเลี่ยงการดื่มพวกน้ำอัดลม
ที่มีโซดาเป็นองค์ประกอบ ให้ดื่มน้ำเปล่า หรือชาที่ไม่ใส่น้ำตาลแทน ชาเพียวๆ หรือ
กาแฟดำ สามารถดื่มได้ ในปริมาณที่ไม่มาก เพราะคาเฟอีนในชา และกาแฟดำ นั้น จะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญพลังงาน
และเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเราต้องใช้พลังงานมากขึ้น แต่การดื่ม ชา และกาแฟดำ
ในปริมาณที่มากเกินไป มีคาเฟอีนมากเกินไปในร่างกาย ก็จะเป็นผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้นดื่มแค่นิดหน่อยก็เพียงพอแล้ว
