Home » » การดูแลสุขภาพ กินอย่างไรให้สุขภาพดี

การดูแลสุขภาพ กินอย่างไรให้สุขภาพดี

ในสังคมที่มีการแข่งขัน ดิ้นรนเพื่อทำมาหากิน สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมักจะหลงลืมไปก็คือ การดูแลสุขภาพ ของตัวเอง เมื่อมีการละเลย การดูแลสุขภาพ ก็ย่อมเป็นสาเหตุ ของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ เป็นที่มาของการเจ็บป่วยต่างๆ นานา หากก่อนหน้านั้น ร่างกายยังมีความแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี ก็ยังไม่แสดงอาการเจ็บป่วย หรืออ่อนแอออกมาให้เห็น แต่เมื่อไหร่ที่ร่างกายอ่อนแอลง จะด้วยเหตุจากการพักผ่อน นอนหลับน้อย หรือความเครียดจากการทำงาน อาการป่วยก็จะสำแดงออกมาทันที และเมื่อนั้น ก็มักจะสายเกินกว่าจะเยียวยาแล้ว การสูญเสียย่อมมีตามมาในที่สุด “โรค” ที่ผมกำลังพูดถึง ก็ได้แก่โรคเจ็บป่วยเรื้อรัง ตั้งแต่ ภูมิแพ้ , ไตเสื่อม , ตับแข็ง , ไขมันในเส้นเลือด , เบาหวาน , โรคหัวใจ และมะเร็งต่างๆ สิ่งที่เหมือนกันของโรคเหล่านี้ก็คือ การใช้ชีวิตแบบไม่ใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องของการทานอาหาร หากเลือกทานอาหารให้ดี ให้ถูกต้อง ก็จะช่วยสร้างภูมิต้านทาน หรือแม้แต่รักษาโรคพวกนี้ ให้หายไปได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาใดๆ เลย มาดูกันว่า เราควรกินอย่างไร ให้สุขภาพดี

การดูแลสุขภาพ ด้วยการทานอาหารแบบที่ถูกต้อง

1. ดื่มน้ำมากๆ เริ่มจากเรื่องที่ง่ายที่สุดก่อนเลย นั่นก็คือการดื่มน้ำ ซึ่งเราก็ทำกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว แต่คำถามก็คือ คุณได้ดื่มน้ำ ในปริมาณที่มากเพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกายแล้วหรือยัง? รู้มั้ยครับ ว่าน้ำมีส่วนสำคัญต่อร่างกายของเรามากแค่ไหน นอกจากจะเป็นส่วนประกอบในร่างกายถึง 70% แล้ว น้ำยังมีส่วนช่วยในการควบคุมอุณหภูมิ ภายในร่างกายของเรา ให้คงที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามสภาพแวดล้อม รวมทั้งยังช่วยขับสารพิษ และของเสียออกจากร่างกายของเราอีกด้วย หากพูดถึงประโยชน์ด้านสุขภาพสำหรับสาวๆ น้ำช่วยทำให้ผิวพรรณของคุณเปล่งปลั่ง สดใส และอย่างที่ผมเคยได้กล่าวไป ในวิธีลดความอ้วน และวิธีลดน้ำหนักที่ผ่านมา น้ำช่วยลดความอ้วนและลดน้ำหนักได้ ด้วยการดื่มน้ำก่อนทานอาหาร ทำให้ทานอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็วขึ้น และน้ำไม่มีแคลอรี่ ดื่มเข้าไปเยอะแค่ไหนก็ไม่อ้วน แต่.. สำคัญมาก เพราะมีกระแสข่าวออกมาว่า มีเด็กโดนบังคับให้ดื่มน้ำมาก จนน้ำท่วมปอดเสียชีวิต แล้วที่ผมมาแนะนำให้ดื่มน้ำเยอะๆ มันถูกต้องแล้วเหรอ?

การดูแลสุขภาพ ด้วยการกิน

สาเหตุที่ทำให้คนที่ดื่มน้ำมากๆ มีอาการน้ำท่วมปอดเสียชีวิต ก็เกิดมาจาก “การดื่มน้ำในปริมาณมากๆ เข้าไปในร่างกาย ในเวลาอันรวดเร็ว” ไตขับน้ำออกจากร่างกายไม่ทัน ก็มีผลอย่างที่ทราบกัน คือน้ำท่วมปอดและอวัยวะอื่นๆ และเสียชีวิต แต่ที่ผมแนะนำว่าให้ดื่มน้ำมากๆ คือ ดื่มน้ำให้ได้หลายๆ ลิตร ในระยะเวลา 1 วัน คือ ดื่มน้ำชั่วโมงละ 1 แก้ว กำลังดี ปลอดภัยแน่นอนครับผม กับวิธีที่ผมแนะนำไปเนี่ย

2. ทานอาหารเช้าเสมอ ห้ามข้ามอาหารเช้า ห้ามงด ห้ามทานสาย เกินเวลา ผมเองเคยเป็นคนที่ไม่ทานอาหารเช้ามาก่อน ดื่มแต่กาแฟแก้วเดียว ผลที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ โรคกระเพราะอาหาร และแผลในลำไส้เล็ก มีอาการปวดท้องทั้งก่อน และหลังทานอาหารในทุกมื้อ ต้องทำการรักษายืดเยื้อ ยาวนาน และอาการปวดของมัน ก็ทรมานมาก หลายครั้งที่ขับถ่ายออกมา แล้วมีกลิ่นคาวเลือดปนออกมาด้วย พูดง่ายๆ ว่าอาการหนักเลยว่างั้น จนผมต้องหันมาศึกษาในเรื่องของสาเหตุ และพบว่า การทานอาหารเช้า คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษย์เราเลย 

การทานอาหารเช้า จะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงาน และดูดซับสารอาหารได้เร็วที่สุด เพราะร่างกายสูญเสียพลังงานไปมาก จากการนอนหลับมาเป็นเวลานาน ยิ่งคุณทานอาหารเช้าที่มีประโยชน์มากแค่ไหน ร่างกายของคุณก็จะได้รับประโยชน์จากสารอาหารมากขึ้นเช่นเดียวกัน หากคุณต้องการลดความอ้วน หรือลดน้ำหนัก คุณก็ทำการเปลี่ยนเมนูในมื้อเช้า จากอาหารพวกเนื้อ นม ไข่ ก็ให้เปลี่ยนมาเป็น พวกเมล็ดธัญพืช หรือขนมปังโฮลวีท และ สลัดผักใบเขียว เพราะผักและอาหารที่มีไฟเบอร์สูง จะทำให้ระบบการย่อยของคุณ ใช้เวลาในการย่อยยาวนานขึ้น ช่วยให้หิวช้าลง และทานอาหารในมื้อกลางวันได้น้อยลงอีกด้วย 

3. ทานได้ทั้งวัน กับอาหารสุขภาพ เพราะเมื่อคุณหันมาเน้นทานแต่อาหารสุขภาพ ผักและผลไม้แล้ว แม้ว่าจะทานในปริมาณเยอะ แต่คุณอาจรู้สึกหิวเร็วกว่าปกติในช่วงแรกๆ ที่เปลี่ยนจากการทานอาหารปกติ มาทานแบบสุขภาพ ร่างกายของคุณที่เคยชินกับการทานแต่อาหารที่มีไขมัน และโปรตีนสูง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง มาเน้นไฟเบอร์ , กากใย และวิตามินแล้ว ย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คือ รู้สึกว่า ทานพวกอาหารสุขภาพเข้าไปแล้ว ไม่อิ่ม วิธีแก้ปัญหาก็คือ ทานอาหารพวกของว่าง ที่ทำมาจากธัญพืช ที่มีไฟเบอร์สูง หรือสลัดผักบ่อยๆ เข้ามาแทนที่ ทุกครั้งที่หิว ก็จะช่วยให้ร่างกายของเรา ปรับสภาพได้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน แต่ไม่ใช่ไขมันทั้งหมดจะเลวร้ายต่อสุขภาพนะครับ ไขมันที่ดี ที่จำเป็นต้องทาน ก็ได้แก่น้ำมันที่มาจากปลา เช่น แซลมอน , ทูน่า หรือจากพืช ได้แก่ อโวคาโด , ถั่ว และน้ำมันโอลีฟ 

4. ทานอาหารแต่ละมื้อให้ตรงเวลา อันนี้ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันครับ เพราะร่างกายของคุณ จะจดจำเวลา ที่จะหลั่งน้ำย่อยออกมา เพื่อย่อยอาหาร เรียกง่ายๆ ว่าความเคยชินก็ว่าได้ คือช่วงเวลานี้ เคยมีอาหารตกถึงท้อง กระเพาะก็จะหลั่งน้ำย่อยออกมาย่อยเสมอ แต่เมื่อไม่มีอาหารมา หรือมาไม่ตรงเวลา น้ำย่อยก็ออกมาย่อยผนังกระเพาะไปแทนเสียแล้ว เป็นสาเหตุของการเกิดโรคกระเพาะอาหารเลยนะครับ

5. ทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์แดงๆ ให้น้อยลง ได้แก่เนื้อวัว และเนื้อหมู เนื้อไก่พอได้บ้างเล็กน้อย เพราะเนื้อแดงเหล่านี้ ไม่ดีต่อสุขภาพของคุณเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวัยทำงาน แต่สำหรับเด็กที่กำลังเติบโต มีความจำเป็นมากๆ ครับ ส่วนคนวัยทำงาน ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ควรหันมาทางผัก และผลไม้ให้มากขึ้น เพราะไฟเบอร์นั้น ช่วยลดไขมันในเลือด และควบคุมระดับน้ำตาลภายในเลือดของเราได้อีกด้วย ปริมาณไฟเบอร์ที่แนะนำในแต่ละวัน สำหรับคนอายุ 25 ปีขึ้นไปคือ 30 กรัมต่อวัน สำหรับผู้ชาย และ 21 กรัมต่อวัน สำหรับผู้หญิง แต่สำหรับคนที่อายุ 50 ปี ขึ้นไป ผู้ชายควรได้รับไฟเบอร์วันละ 38 กรัม และผู้หญิงควรได้รับ 25 กรัมต่อวัน ทานเยอะกว่านี้ ก็ไม่มีพิษภัยใดๆ นะครับ สามารถทานได้เลย ผักและผลไม้ มีแต่ดีต่อสุขภาพครับ

6. อ่านฉลากอาหารทุกครั้งที่ซื้อจากห้าง อันนี้ก็สำคัญนะครับ อย่าซื้อเพราะมันมีหน้าตาของห่อที่แพ็กมาดูดี ให้ดูที่ตารางอาหาร และส่วนประกอบว่าทำมาจากอะไรบ้าง หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จต่างๆ ที่มีค่าโซเดียม และ โคเลสเตอรอล สูงๆ รวมทั้งขนมต่างๆ ที่ใช้ส่วนประกอบของ น้ำมันพืช หรือน้ำปาล์ม เพราะเป็นไขมันที่ไม่ดี และจะทำให้คุณเป็นโรคไขมันในเลือดได้ อ่านฉลากดูส่วนประกอบ และเลือกประเภท รวมทั้งชนิดของอาหารสำเร็จที่คุณจะซื้อในแต่ละครั้งเสมอนะครับ 

Share this article :